วัตถุประสงค์ของการจัดทำมาตรฐาน
1.
เพื่อให้มีมาตรฐานโรงแรมอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นหลักเกณฑ์อ้างอิงเชื่อถือได้
2.
เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและโรงแรมในประเทศไทยไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน
3. เพื่อเลือกสรรการบริการที่ดีให้แก่ลูกค้า มีการบริหารโรงแรมอย่างมีประสิทธิภาพและหลีกเลี่ยงการใช้ทรัพยากรอย่างฟุ่มเฟือย
4.
เพื่อให้มีการปรับปรุงมาตรฐานโรงแรมที่สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริง
โดยคำนึงถึงการตลาด คุณค่าที่ส่งมอบให้แก่ลูกค้าและสภาพทางกายของโรงแรม
5. เพื่อเผยแพร่จิตสำนึกในการปรับปรุงมาตรฐานโรงแรมในประเทศไทยให้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
6. เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมโรงแรมในประเทศไทยมีความเข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืน
ประโยชน์ในการจัดทำมาตรฐานโรงแรมในประเทศไทย
1. สำหรับอุตสาหกรรมในโรงแรมโดยรวม
- ยกระดับมาตรฐานโรงแรมในประเทศไทย
โดยเฉพาะมาตรฐานด้านความปลอดภัย สุขอนามัย สิ่งแวดล้อม และการบริการ
- มีระบบมาตรฐานโรงแรมที่สามารถอ้างอิงและเชื่อถือได้
- เกิดการพัฒนาบุคลากรและการศึกษาด้านโรงแรม
- ก่อให้เกิดการพัฒนาโรงแรมในประเทศไทย
และทำให้อุตสาหกรรมโรงแรมสำหรับประเทศไทย เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
- เพิ่มช่องทางการคุ้มครองผู้บริโภค
- เผยแพร่จิตสำนึกในการปรับปรุงมาตรฐานโรงแรมในประเทศไทย
ได้อย่างต่อเนื่อง
2. ประโยชน์สำหรับโรงแรมที่ได้รับมาตรฐาน
- สามารถส่งมอบการบริการที่ดีและมีคุณภาพให้แก่ลูกค้า
- เพิ่มมูลค่าของสินค้าและการบริการ
- การบริหารโรงแรมให้มีประสิทธิภาพ ลดการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ
ที่ไม่จำเป็น ทำให้สามารถลดการลงทุนที่เกินความจำเป็น
- ส่งเสริมการตลาด การขายของโรงแรมให้สามารถแข่งขันกันด้วยความเป็นธรรม และสอดคล้องกับสภาพตลาดความต้องการของลูกค้าและสภาพทางกายภาพของโรงแรม
องค์กรรับรองมาตรฐานโรงแรม
1. แนวทางของการดำเนินการจัดทำมาตรฐานโรงแรมในต่างประเทศ
ลักษณะระบบมาตรฐานที่มีใช้อยู่ในต่างประเทศ
ปัจจุบันมีความแตกต่างกันไปหลากหลายขึ้นอยู่กับว่าเป็นการควบคุมของภาครัฐบาลหรือเอกชน
โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งออกเป็น 4 ลักษณะ ดังนี้คือ
1.1 ภาครัฐกำหนดมาตรฐานและตรวจสอบ
ในหลายประเทศ เช่น ประเทศกรีซ ภาครัฐเป็นผู้กำหนดมาตรฐานโรงแรม
และมีคณะกรรมการการตรวจสอบของภาครัฐเป็นผู้ตรวจสอบ จัดอันดับ
รวมถึงติดตามตรวจสอบการดำเนินการของโรงแรมอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ประกอบการนั้นปฏิบัติตามเกณฑ์ต่าง
ๆ ที่วางไว้ โดยแต่ละประเทศจะมีระดับการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนต่อการดำเนิน
การจัดทำมาตรฐานโรงแรมที่แตกต่างกันไป
1.2 ภาครัฐกำหนดมาตรฐาน -
ภาคเอกชนเป็นผู้ตรวจสอบ
ในบางประเทศจะเห็นว่าภาครัฐเป็นแกนนำในการกำหนดมาตรฐาน
แต่จะไม่ร่วมในการตรวจสอบประเมินผลโรงแรมเพื่อการรับรองมาตรฐาน
ภาครัฐอาจว่าจ้างบริษัทเอกชนหรือผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถเพื่อทำการตรวจสอบประเมินผลโรงแรมภายใต้กรอบแนวทางของภาครัฐ
โดยภาครัฐจะมีบทบาทอย่างมากในการติดตามประเมินผล
การดำเนินการในลักษณะน้จะช่วยลดความยุ่งยากซับซ้อนและงบประมาณในการตั้งคณะตรวจสอบของภาครัฐ
นอกจากการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการตรวจสอบโรงแรมแล้ว
ภาครัฐอาจพิจารณาในการให้อนุญาตบริษัทเอกชนอื่น ๆ
เป็นผู้ตรวจสอบโดยทำภายใต้กฎหรือข้อกำหนดของรัฐบาล
1.3 สมาคมโรงแรมกำหนดมาตรฐานและตรวจสอบ
ในบางประเทศ เช่น ประเทศเยอรมัน
การกำหนดมาตรฐานและตรวจสอบโรงแรมดำเนินการโดยสมาคมโรงแรมท้องถิ่น
ซึ่งผู้มีอำนาจในการดำเนินการทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงแก้ไขมาตรฐาน
หรือการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญมาดำเนินการตรวจสอบเช่นเดียวกับบทบาทที่ภาครัฐเป็นผู้กำหนดและตรวจสอบในลักษณะนี้
1.4 ภาคเอกชนกำหนดมาตรฐานและตรวจสอบ
ในบางประเทศภาครัฐมิได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการดำเนินการจัดการมาตรฐานโรงแรม
เช่น สหรัฐอเมริกาแต่จะมีบริษัทเอกชน เช่น American Automobile
Association และบริษัท Mobil Oil ของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือบริษัท Michelin ในยุโรปเป็นผู้กำหนดมาตรฐานและทำการประเมินโดยมีคณะผู้ตรวจสอบของตัวเอง
ความสำเร็จของการดำเนินการลักษณะนี้ขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือของบริษัทนั้น ๆ
ซึ่งส่วนใหญ่จำเป็นจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ประกอบการทั้งหลาย
มาตรฐานระบบนี้โรงแรมจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและการไ้รับการจัดอันดับโดยองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญ
ซึ่งตามปกติแล้วองค์กรเหล่านี้จะไม่เพียงแต่ให้ตราประทับรับรองมาตรฐานแก่โรงแรมเท่านั้น
แต่จะช่วยประชาสัมพันธ์โรงแรมที่ได้รับการจัดอันดับเหล่านี้ในหนังสือหรือคู่มือท่องเที่ยวต่าง
ๆ ที่องค์กรเหล่านี้
2.แนวทางของการดำเนินการจัดมาตรฐานโรงแรมในประเทศไทย
2.1 ในระยะเริ่มแรก
โดยแนวความคิดที่จะให้องค์กรรับรองมาตรฐานโรงแรมต้องมีความเป็นกลางและเที่ยงธรรม
คณะกรรมการจัดทำมาตรฐานโรงแรมในขณะนั้นมีความเห็นร่วมกันว่าจะต้องเป็นองค์กรที่ประกอบด้วยบุคคลซึ่งเป็นตัวแทนขององค์กรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
และมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร
และองค์กรที่จะมีลักษณะดังกล่าวได้ชัดเจน ควรมีลักษณะเป็นมูลนิธิ โดยให้ชื่อว่า
"มูลนิธิพัฒนามาตรฐานและบุคลากรในอุตสาหกรรมบริการและการท่องเที่ยว"
โดยให้มีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ คือจัดทำและรับรองมาตรฐานโรงแรมในประเทศไทย
แลพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมบริการ เพื่อให้มีมาตรฐานทัดเทียมระดับสากล
2.2 ในปัจจุบัน
ขณะที่มูลนิธิพัฒนามาตรฐานบุคลากรในอุตสาหกรรมบริการและการท่องเที่ยวรณรงค์ เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจด้านที่พักให้เข้ามาขอรับการตรวจประเมินมาตรฐาน เป็นเวลาเดียวกันที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบายการปฏิรูประบบราชการ โดยการปรับปรุงโครงสร้างของระบบราชการใหม่ และมีการตรากฎหมายออกมา 2 ฉบับ คือพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 และพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 เป็นผลให้เกิดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาขึ้น หลังจากนั้นก็ได้มีการโอนภารกิจบางประการของการท่องเที่ยวที่หมายความรวมถึงการเข้ามาดูแลด้านมาตรฐานการท่องเที่ยวทั้งหมด ดังนั้นสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยวจึงได้ทำการศึกษาแนวทางการพัฒนามาตรฐานการท่องเที่ยวทั้งหมด โดยเน้นมาตรฐานทางด้านที่พักก่อน
หลักเกณฑ์การกำหนดมาตรฐานโรงแรมในประเทศไทย
1. สัญลักษณ์ เพื่อให้สัญลักษณ์เป็นสื่อสากลที่ทุกคนรู้จักกันดี
ผู้เกี่ยวข้องหลาย ๆ ฝ่ายจึงมีความเห็นว่าการใช้สัญลักษณ์ดาวห้าแฉก
จะเป็นสัญลักษณ์ที่เข้าใจได้ดีที่สุด และจัดแบ่งมาตรฐานออกเป็น 5 ระดับ
โดยเรียงลำดับจากมาตรฐานน้อย คือ หนึ่งดาว ไปจนถึงระดับมาตรฐานมากที่สุด คือ ห้าดาว
สัญลักษณ์ที่ทางมูลนิธิมาตรฐานให้จะมี 2 ลักษณะ คือ
1. ป้ายแสดงศัญลักษณ์มาตรฐาน
2. เกียรติบัตรรับรองมาตรฐาน
2.คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ
2.1 เป็นโรงแรมที่ประกอบกิจการอยู่ในประเทศไทย
2.2 มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ตามกฎหมายของประเทศไทย
2.3 เปิดการให้บริการมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
2.4 ชำระค่าธรรมเนียมการตรวจประเมินตามระดับมาตรฐานแล้ว
2.5
ยอมรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรับรองสถานประกอบการตามมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย
ซึ่งกำหนดโดยสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ศ. 2550
ในกรณีที่ผู้ที่สมัครเข้าร่วมโครงการ มีอาคาร (Wing) หลายอาคารและแต่ละอาคารมีระดับมาตรฐานรวมต่างกันและมีห้องพักอาคารไม่น้อยกวาหนึ่งร้อยห้อง
ผู้สมัครเข้าร่วมโครงการสามารถที่จะแยกสมัครเพื่อขอรับมาตรฐานแตกต่างกันได้
โดยแยกใบสมัครและเสียค่าธรรมเนียมตามระดับมาตรฐานนั้น ๆ
3. การรับรองมาตรฐานโรงแรม
1. ระยะเวลาของการรับรองมีอายุ 3 ปี
นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการรับรองมาตรฐานที่พักแรม
มอบเอกสารการรับรองให้อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะทำพิธีรับมอบปีละหนึ่งครั้ง
ทั้งนี้เว้นแต่ผู้ได้รับรองไม่สามรถรักษามาตรฐานตามที่ได้รับการรับรอง
หรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในภายหลัง
อาจมีการพักใช้หรือยกเลิกรับรองมาตรฐาน
2. เมื่อครบกำหนดเวลาการรับรองมาตรฐานตามที่กล่าวแล้ว (3 ปี)
หากผู้ประกอบการต้องการต่ออายุการรับรองต่อไปอีก ให้แจ้งให้คณะกรรมการตรวจประเมินทราบ
พร้อมชำระค่าธรรมเนียมการตรวจตามที่คณะกรรมการมูลนิธิฯ กำหนด
โดยไม่ต้องสมัครใหม่อีก
3.
คณะกรรมการตรวจประเมินอาจจะเข้าไปตรวจสอบในระหว่างอายุการรับรองมาตรฐาน
หากมีกรณีการร้องเรียนว่าผู้เข้าร่วมโครงการไม่ได้รักษามาตรฐานตามที่ได้รับการรับรอง
หรือกรณีที่มีข้อสงสัยว่ามิได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์มาตรฐานในภายหลัง
การตรวจสอบดังกล่าวจะไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
4. ในระหว่างอายุการรับรอง
หากผู้เข้าร่วมโครงการต้องการปรับระดับมาตรฐานต่างไปจากที่ได้รับการประเมิน
จขอเปลี่ยนแปลงได้ โดยยื่นเป็นหนังสือให้ทางหน่วยตรวจประเมิน
ขอให้ทำการตรวจประเมินใหม่โดยต้องเสียค่าธรรมเนียมการตรวจประเมิน
เช่นเดียวกับผู้สมัครเข้าร่วมโครงการใหม่
และหากผ่านการประเมินก็จะเริ่มนับเวลาเริ่มต้นของการรับรองในปีนนั้นเช้นเดียวกัน
4. ผลการตรวจสอบ
เมื่อคณะกรรมการตรวจประเมินได้ทำการตรวจประเมินผู้เข้าร่วมโครงการเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ก็จะแจ้งผลการตรวจประเมินพร้อมข้อสังเกตให้คณะกรรมการรับรองมาตรฐานพิจารณา
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการรับรองจะแจ้งให้รู้เข้ารับการตรวจประเมินให้ทราบ ดังนี้
1. กรณีผ่านการพิจารณา
คณะกรรมการตรวจประเมินจะแจ้งให้ผู้เข้ารับการประเมินทราบ
และจะแจ้งถึงข้อสังเกตของคณะกรรมการรับรองมาตรฐาน และข้อที่ควรแก้ไขให้ทราบ (ถ้ามี)
2. กรณีไม่ผ่านการประเมิน
ผู้เข้าร่วมโครงการหรือผู้ขอรับการประเมินสามารถเลือกได้ ดังนี้
ก. ขอถอนตัวออกจากการเข้าร่วมโครงการ
ข. ยอมรับผลของการตรวจประเมินในมาตรฐานที่ต่ำกว่าที่ยื่นคำขอ
ค. ขอปรับปรุงสถานประกอบการตามข้อบกพร่องที่คณะกรรมการแจ้งให้ทราบ
ตามระยะเวลาที่กำหนด และขอให้คณะกรรมการตรวจประเมินอีกครั้งหลังจากการปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว
5. หลักเกณฑ์ในการพิจารณามาตรฐาน
ในการพิจารณามาตรฐานที่พักแรมในประเทศไทย
ได้กำหนดหลักเกณฑ์ของการวัดมาตรฐานเป็น 3 มาตรฐาน กล่าวคือ
5.1 มาตรฐานการก่อสร้างและสิ่งอำนวยสะดวก
5.2 มาตรฐานบำรุงรักษา
5.3 มาตรฐานการบริการ
มาตรการในการส่งเสริมความส่งเสริมความสำเร็จของการจัดมาตรฐานโรงแรมในประเทศไทย
ทุกครั้งที่มีการรณรงค์หาสมาชิกเข้าร่วมโครงการ
ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งชมรม สมาคม
หรือโครงการอื่นใดก็ตามสิ่งแรกที่พบเห็นในประเทศไทยก็คือ
ผู้ที่เกี่ยวข้องมีความสนใจน้อยและไม่อยากให้ใครมาประเมินตนเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการต้องชำระค่าธรรมเนียมด้วยแล้ว
ยิ่งเป็นความยากลำบากยิ่งขึ้นในการทำประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ
ด้วยเหตุนี้ภาครัฐและภาคเอกชนจึงได้ปรึกษาหารือเพื่อวางแนวทางในการส่งเสริม
ผู้ที่เข้าร่วมโครงการให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งแนวทางร่วมกันในการส่งเสริม
ดังนี้
1. ทำการประชาสัมพันธ์
เพื่อให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทราบว่า
ประเทศไทยได้มีการจัดมาตรฐานที่พักแรมแล้ว โดยได้ทำเอกสารเป็นรูปเล่มส่งไป
ยังสำนนักงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยทั้งในและต่างประเทศ
บริษัทนำเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
รวมตลอดจนสมาชิกของสมาคมท่องเที่ยวระหว่างประเทศทั้งหมดในเบื้องแรก
และมีโครงการขยายการแจกจ่ายเอกสารประชาสัมพันธ์นี้ให้กว่างขวางยิ่งขึ้นในอนาคต
รวมตลอดจนการให้มีการเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ตของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
กระทรวงท่องเที่ยว และกีฬา และสมาคมโรงแรมไทยอีกด้วย
2. ผลักดันให้ส่วนราชการทั้งหมด
ให้พิจารณาเลือกใช้สถานที่พักแรมที่มีมาตรฐานในการอบรม สัมมนา
ดูงานหรือตรวจงานก่อน โดยจะเป็นลักษณะของการขอความร่วมมือจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
หรือจะผลักดันให้เป็นมติของรัฐมนตรี
3.
หากสถานที่พักแรมที่มีมาตรฐานต้องการปรับปรุงสถานที่อันอาจต้องมีเครื่องมือ
เครื่องใช้ หรืออุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถประหยัดพลังงานได้ในอนาคต
ขอให้รัฐบาลรับสถานประกอบการที่พักแรมดังกล่าว เข้าโครงการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมารลงทุน
(BOI) เพื่อผลประโยชน์ทางด่านภาษีอากรและแหล่งเงินทุนอกเบี้ยต่ำ
4.
การจัดการอบรมบุคากรของสถานที่พักแรมที่ได้มาตรฐานโดยหน่วยงานของรัฐ
โดยไม่มีค่าใช้จ่ายหรือเสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย
5. ผลักดันให้กระทรวงมหาดไทยในฐานะเป็นนายทะเบียนตามกฎหมายโรงแรม
ให้ยอมรับมาตรฐานที่พักแรมว่าเป็นมาตรฐานสูงกว่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนดให้สถานที่พักแรมต้องมี
ดังนั้น เมื่อผู้ประกอบธุรกิจด้านที่พักแรมยื่นขอต่ออายุใบอนุญาต
จึงควรพิจารณาต่อใบอนุญาตให้ได้ทันทีโดยไม่ต้องมาตรวจสอบอีก
มาตรการต่าง ๆ เหล่านี้หากรัฐบาลให้ความสนใจ
และพิจารณาให้การส่งเสริมก็จะทำให้การมีมาตรฐานทางด้านที่พักได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการมากขึ้น
และจะเป็นการยกระดับมาตรฐานของธุรกิจท่องเที่ยวไทยรวมของประเทศไทยให้เป็นที่ประจักษ์กับทางนานาประเทศสืบไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น