ข้อความวิ่ง

ยินดีต้อนรับสู่เว็บบล็อกสื่อการสอนออนไลน์การตลาดเพื่อธุรกิจโรงแรม

 แผนการตลาดโรงแรม เริ่มต้นจากตรงไหน?

1. รู้จักโรงแรมของตัวเองและจุดยืนของตัวเองในตลาด

            ส่วนมากโรงแรมจะคิดว่าการรับลูกค้าได้ทุกกลุ่มเป็นโรงแรมที่เหมาะสำหรับคนทุกแบบ สามารถเก็บลูกค้าได้มากกว่าซึ่งเท่ากับได้รายได้มากกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้วการมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เฉพาะหรือกลุ่มที่แคบลงมาหน่อย จะช่วยให้โรงแรมทำการตลาดได้ตรงกว่าและก็จะได้ผลมากกว่า ส่วนโรงแรมมีกลุ่มโฟกัสที่ชัดเจนแล้ว ก็ต้องอย่าลืมดูว่ามีทรัพยากรเพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสมหรือไม่ เช่น เทคโนโลยีอย่างเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และงบประมาณ ทั้งสองอย่างนี้สำคัญ เพราะเป็นเครื่องมือในการเรียกลูกค้าเข้าโรงแรมในทุกวันนี้

2. ตั้งเป้าหมาย

            เราไม่สามารถออกแบบเส้นทางเดินไปข้างหน้าได้ ถ้าไม่รู้ว่าจุดหมายว่าจะไปที่ไหน เช่นกันกับการทำการตลาดโรงแรมจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ถ้าโรงแรมไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ถ้าไม่รู้ว่าเป้าหมายชัด ๆ ของตัวเองคืออะไร ลองตอบคำถามต่อไปนี้ดู

    • กลุ่มเป้าหมายของการทำการตลาดคือใคร?
    • จุดเด่น/จุดแข็งของโรงแรมของคุณที่เหนือกว่าคู่แข่งคืออะไรบ้าง?
    • คู่แข่งโดยตรงและคู่แข่งทางอ้อมของโรงแรมของคุณคือใครบ้าง?
    • โรงแรมของคุณเด่นหรือเชี่ยวชาญเรื่องอะไร?
    • โรงแรมของคุณมีบริการอะไรที่โดดเด่นหรือดีจนลูกค้าชื่นชอบบ้าง?
    • สิ่งที่โรงแรมของคุณสามารถปรับปรุงได้คืออะไร?
    • เป้าหมายการเงิน (รายได้, รายจ่าย) ของปีนี้ของโรงแรม อยู่ที่เท่าไหร่? และแผนที่จะพิชิตเป้าหมายเหล่านี้มีอะไรบ้าง?




3. เลือกกลยุทธ์การตลาดที่เข้ากับโรงแรม

            กลยุทธ์การตลาดที่โรงแรมใช้ได้มีรูปแบบที่เห็นได้อยู่ทั่วไป หรือใช้กันอย่างแพร่หลายอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเหลือเพียงแค่การเลือกใช้ให้เหมาะสม ซึ่งก่อนจะเลือกกลยุทธ์การตลาดให้กับโรงแรม โรงแรมต้องรู้จัก SWOT ของตัวเอง 

            SWOT นี้ย่อมาจาก Strengths (จุดแข็ง), Weaknesses (จุดอ่อน), Opportunities (ปัจจัยด้านบวกจากภายนอก) และ Threats (ปัจจัยด้านลบจากภายนอก) ข้อมูลเหล่านี้สามารถค้นหาและรวบรวมได้จากฝ่ายบริหารและผู้ร่วมงานทุกคน

            ข้อมูล SWOT จะช่วยให้โรงแรมรู้ว่า กลยุทธ์การตลาดที่จะเลือกนี้เหมาะสมกับโรงแรมหรือไม่เข้ากับแผนธุรกิจโดยรวมของโรงแรมหรือไม่ ทั้งในเรื่องผลประโยชน์ที่ได้จากการลงทุนไป (ROI) และปัจจัยความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง มากแค่ไหน และโรงแรมจะรับได้หรือไม่

4. ลงมือทำตามแผนที่วางไว้

            ไม่ว่าจะใช้กลยุทธ์การตลาดอะไรก็ต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง โรงแรมต้องทำกลยุทธ์ออกมาเป็นแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนและมีระยะเวลากำหนดด้วย

5. ประเมินผลลัพธ์ทางการเงิน

            การประเมินผลลัพธ์ทางการเงิน เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำตามแผนการตลาดที่จะบอกโรงแรมว่า แผนที่ทำประสบความสำเร็จหรือมีข้อผิดพลาดอะไรเกิดขึ้น การประเมินสามารถทำได้ทั้งแบบประเมินแต่ละขั้นตอนและการประเมินแผนรวบยอดทั้งหมด

            การประเมินแต่ละขั้นตอนมีข้อดีตรงที่โรงแรมปรับเปลี่ยนแผนให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงได้และทันแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ส่วนการประเมินแผนแบบรวบยอดช่วยรวบรวมภาพการนำแผนไปปฏิบัติทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร และขั้นตอนภายในแผนอาจเป็นขั้นตอนที่ต้องทำควบคู่ไปกับขั้นตอนอื่น ซึ่งไม่สามารถประเมินแยกได้


เว็บไซต์โรงแรม ที่กระตุ้นการจองห้องพักตรง

            เว็บไซต์ที่โรงแรมทุกแห่งควรมี คือ เว็บไซต์ที่หน้าตาสวยงาม ใช้งานง่าย และชี้แจงข้อมูลชัดเจน เพราะจะช่วยเรียกลูกค้าเข้ามาและทำให้เกิดการจองห้องพักตรงกับโรงแรมมากขึ้น

            การจองห้องพักตรงกับโรงแรมช่วยลดการเสียค่าคอมมิชชั่นกับโรงแรม และใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างเป็นประโยชน์ ช่วยให้โรงแรมได้กำไรมากขึ้น

    เว็บไซต์แสนดีเช่นนี้ ควรมีหลักดังนี้

    • ใช้ผ่านสมาร์ทโฟนได้ดี: ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเกินครึ่งเข้าอินเตอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย และเว็บไซต์ต่าง ๆ ผ่านสมาร์ทโฟนหรือที่เรียกติดปากกันว่ามือถือ เว็บไซต์ที่ดีจึงควรใช้งานผ่านมือถือได้ เข้ากับมือถือ เว็บไซต์ประเภทนี้จะได้รับการออกแบบให้มี Responsive mode หรือ Responsive design

    • มีจุดขาย: เว็บโรงแรมโดยทั่วไปจะแสดงรายละเอียดที่โรงแรมตัวเองมีทั้งหมดให้ผู้เข้าชมเว็บทราบ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เว็บที่สะดุดตาหรือโดดเด่นจนลูกค้าจำได้ ต้องมีคาแรคเตอร์หรือจุดขายที่ชัดเจน เช่น ความเป็นมาที่น่าสนใจของโรงแรม ภาพ คลิปวิดีโอ มาสคอต หรือดีลโปรโมชั่นที่พิเศษสุดๆ

    • แนะนำผู้เข้าชมเว็บได้: เว็บโรงแรมที่ดีควรแสดงข้อมูลห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกชัดเจน และรายละเอียดเหล่านี้ควรอัพเดตตามสถานการณ์จริง ณ ปัจจุบัน

    • ชัดเจนและตรงไปตรงมา: ผู้เข้าชมเว็บโรงแรมของคุณต้องทราบทันทีว่า ประโยชน์ของการจองตรงกับเว็บไซต์คืออะไร เช่น ติดต่อกับทางโรงแรมได้ทันที ได้สิทธิพิเศษอะไรจากโรงแรม หรือราคาที่ดีกว่า เป็นต้น


จัดการชื่อเสียงโรงแรมได้ดี

            การโฆษณาที่ดีที่สุดคือ การพูดกันปากต่อปาก วิธีเดียวกันนี้เป็นดาบสองคม ที่สามารถทำร้ายโรงแรมที่พักให้ย่อยยับได้เช่นกัน หากโรงแรมปล่อยปละละเลยไม่สนใจความคิดเห็นหรือการแสดงออกของลูกค้า หากโรงแรมทราบว่าแขกเข้าพักไม่พอใจในการให้บริการ ต้องรีบแก้ไขสถานการณ์ให้เร็วที่สุด ยิ่งทุกวันนี้ การบอกต่อกันบนโซเชียลมีเดียไปไวมากเหมือนไฟลามทุ่ง ที่เรื่องเล็กน้อยสามารถสร้างความเสียหายใหญ่หลวงได้ โดยมีผลสำรวจอย่างน้อยชิ้นหนึ่งที่เผยว่า นักท่องเที่ยวกว่า 80% ของทั้งหมดเช็ครีวิวที่พักก่อนจอง

            สิ่งที่โรงแรมควรเตรียมพร้อมคือ วิธีการรับมือสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเป็นขั้นตอนและแจ้งให้พนักงานทุกคนทราบวิธีปฏิบัติโดยทั่วกัน เช่น วิธีการตอบโต้ความไม่พอใจของลูกค้าด้วยการรับฟัง ไม่ว่าจะเป็นทางหน้าเว็บไซต์โรงแรม โซเชียลมีเดีย เว็บ OTA กระทู้พันทิพหรือฟอรั่มต่างๆ อีเมล โทรศัพท์ หรือต่อหน้าบุคคล หากผิดจริงแม้แต่นิดเดียวก็ควรน้อมรับความผิด ไม่พูดจาแง่ลบแม้แต่กระทบกระเทียบเปรียบเปรยก็ไม่ควรทำ เพื่อให้สถานการณ์จบลงด้วยความรู้สึกดีที่สุด ซึ่งนั่นหมายถึงความเสียหายที่มีต่อโรงแรมน้อยที่สุดและการได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจโรงแรมต่อไป


ทำอีเมลมาร์เก็ตติ้ง

            การตลาดโรงแรมที่ดีต้องคำนึงถึงลูกค้าเก่าด้วย การส่งอีเมลถึงลูกค้าที่เคยเข้าพักโรงแรมก่อนหน้านี้ ช่วยสร้างฐานลูกค้าเดิมให้เกิดการเข้าพักซ้ำหรือการบอกต่อเกิดลูกค้าใหม่ผ่านลูกค้าเดิมได้

            นอกจากนี้ การทำการตลาดผ่านอีเมลที่ดี โรงแรมควรได้พัฒนาการทำอีเมลที่ดีขึ้นไปในเวลาเดียวกัน เช่น การสร้างเนื้อหา รูปแบบอีเมลที่สวยงามน่าสนใจ การทำโปรโมชั่น ฯลฯ โดยปรับปรุงอีเมลจากผลตอบรับ


นักท่องเที่ยวในประเทศหรือต่างประเทศแนวเพื่อดูแลสุขภาพ

            ก่อนหน้าการมาถึงของโควิด ธุรกิจโรงแรมโฟกัสกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อเกิดโรคระบาด ผลกระทบโควิด โรงแรมเจอกันถ้วนหน้า ไม่สามารถหานักท่องเที่ยวจากต่างบ้านต่างเมืองได้ สิ่งที่ต้องทำคือการปรับแผนมาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวไทยหรือนักท่องเที่ยวจากภายในประเทศแทน

            ข่าวดีที่สุดที่เพิ่งออกมาช่วงต้นเดือน ก.ค. คือ ประเทศไทยอาจจะเปิดให้คนต่างชาติเดินทางเข้ามาอย่างจำกัดช่วงปลายปี 2020 เช่น นักธุรกิจ หรือมีเป้าหมายการท่องเที่ยวกึ่งจำเป็น เช่น เพื่อกิจกรรมทางการแพทย์ เช่น การรักษา บำบัด ดูแลสุขภาพ หรือที่นิยมเรียกรวมๆ ว่า Wellness ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและมีความต้องการบริการที่เฉพาะเจาะจง




อ้างอิง

https://www.weon.website/blog/marketing-create-hotel-marketing-plans/


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น